LM6001 : Inventory Management
Continous Review
(s,Q) สั่งเท่ากันทุกครั้ง เมื่อของลดลงต่ำกว่า s
(s,S) สั่งไม่ เท่ากัน จะสั่งให้เท่ากับ S
Periodic review
(R,S) ถ้าไม่มี Demand เลย จะไม่มีการสั่งซื้อ แต่ถ้ามี D แค่เพีย 1 ก็จะสั่งซื้อ จะพบว่าระบบนี้จะสั่งซื้อบ่อย
(R,s,S)
มี s : reorder point จะต้องต่ำกว่า Reorder point ถึงจะสั่ง
ทำไมถึงต้องมี Inventory ?
Cycle Stock เพื่อให้เกิด Economic Of Scale ให้ setup cost ต่อ หน่วยมีมูลค่าต่ำลง
Demand มีความไม่แน่นอน จึงต้องมี Safety stock / buffer stock
Seasonal inventory เกิดจาก Demand เป็นลักษณะ season / ที่สูงกว่าปกติ ต้องผลิตเก็บไว้
Pipeline Invenotry / intransit inventory ของที่กำลังส่งมาถึง
EOQ
ไม่สอบ การ Diff ใน 6001 แต่อาจจะออกสอบใน Oral Exam อ. แจ๊ค ชอบถาม
การพิจารณา Holding Cost , H
เมื่อ Q เยอะ Holding Cost ก็จะเยอะด้วย ให้ดูว่าค่าไหนแปรพัน ตาม Q ให้นำมาคิดใน Holding Cost ด้วย
Four main components are
1. Capital cost or opportunity cost (return that company could make on money tied up in inventory)
2. Inventory service cost (e.g., insurances and taxes)
3. Storage cost (warehousing space-related costs that change with level of inventory) ถ้าไม่แปรพันตาม q ไม่เอามาคิด
4. Inventory risk or shrinkage cost (e.g., obsolescence, damage) แตกหักเสียหายหรือล้าสมัย
Storage Cost : ปกติ Cost ใน WH จะมีทั้ง Fix และ Variable ถ้าเป็น Fix จะไม่นำมาคิดเป็น Storage Cost
Capital Cost
Cost of Debt : เรามี หนี้ เราซื้อของมาอยู่ใน WH เรา ไม่สามารถนำของไปจ่ายหนี้ จะเสียโอกาศแทนที่จะมี Cash ไปผ่อน
Cost of Equity : เรามีผู้ถือหุ้น มีโปรเจคที่จะลงทุน แต่เสียโอกาศ
Hurdle rate ผลตอบแทนต่ำสุด ที่จะได้จากธุรกิจทั่วไป
Shrinkage Cost
วิธีประมาณ โดยการเก็บข้อมูลมาแต่ละ Period ว่ามีมูลค่าของที่เสียหายเป็นเท่าไหร่
การพิจารณา Setup Cost , K
EOQ Assumtion
Demand rate is constant and deterministic
The item is in the mature stage of the product life cycle
Order quantity need not be an integral number of units, and
there are no minimum or maximum restrictions on its size.
The unit variable cost des not depend on the replenishment
quantity
There are no discounts in either the unit purchase cost or the unit
transportation cost
The item is treated entirely independently of other items
Benefits from joint replenishment do not exist or simply ignored
The replenishment lead time is zero duration
No shortages are allowed
The entire order quantity is delivered at the same time
The planning horizon is very long.
All parameters will continue at the same values for a long time.
EOQ ไม่ค่อย Sensitive ต่อการเปลี่ยนแปลงของ Parameter เท่าไหร่
ดังนั้น ถึงแม้เราจะไม่ได้ใช้ค่าที่ถูกต้องนักก็ทำให้ Cost ห่างออกไปไม่มาก
ถ้าเราต้องใช้เวลามากมาย เพื่อหา ส่วนประกอบ ของ H/S อาจจะไม่คุ้ม ใช้เพียงค่าประมาณก็เพียงพอ
Inventory Position (IP)
คือ Inv Level + On order inventory ของที่สั่่งแต่ยังไม่มา
ดังนั้นเวลาเราดู เราต้องดูที่ Inventory Position จะดูที่ Inv level อย่างเดียว ไม่ได้
Limit on Oder size
- Maximum time supply or capacity restriction
กรณี ของมีอายุจำกัด จะต้องสั่ง EOQ ตาม Shelf Life
- Minimum order quantity (MOQ)
ทำแบบฝึกหัด ท้ายบท
################################################################
การคิด EOQ กรณีมี Discount
จะมีการคิดแยกแต่ละกรณี ว่ามีส่วนลดเท่าไหร่ แล้ว Anual Average Cost อันไหนต่ำที่สุดเราจะเลือกอันนั้น
กรณี
Transportation Cost
ถ้าเป็น FTL จะเป็น Fixcost จะไปอยู่ใน K
ถ้าเป็น LTL จะคิดเป็นน้ำหนัก จะ ไปอยู่ใน H
News Vendor
หัวใจคือ สามารถสั่งได้ครั้งเดียว ไม่มีโอกาศสั่งเพิ่ม เราต้อง Treah off ระหว่าง Over age vs Under age Cost ให้ได้
ถ้าสั่งมาแล้ว สั่งมามากไป หรือน้อยไป จะมี จุดสมดุลอย่างไร
เช่นสินค้า แฟชั่น / ปฏิทิน / ปลูกกล้วย / หนังสือพิมพ์ / เอาเงินใส่ตู้ ATM
หรือ Product ที่มีอายุการใช้งาน ที่สั้น เช่น Iphone
ทดลองทำ Excel
ด้านบนจะมองกำไรเป็น เกณฑ์
ด้านล่างจะมอง Service Level
1. In stock probability ความน่าจะเป็นที่จะมีของพอ ขาย
2. Fill Rate สัดส่วนของ Demand ที่ตอบสนองได้ (Demand 100 ชิ้น ส่งได้ 90 FR = 90)
Fill Rate : ของขาด 10 ชิ้น กับ ขาด 100 ชิ้น ไม่เหมือนกัน
In Stock P : ของขาด 10 ชิ้น กับ ขาด 100 ชิ้น เหมือนกัน
ซึ่งสินค้าส่วนมาก จะใช้ Fill Rate
แต่ ตู้ ATM กดเงิน ขาด 100 กับ ขาด 500 ก็ โกรธเหมือนกัน ให้ใช้ In Stock
อย่างแรก เราต้องระบุให้ได้ ว่า จะใช้ Service Level แบบใด
เพราะ FR = 95% = ผลิต 4 ชิ้น
แต่ IS = 95% = ผลิต 5 ชิ้น
ซึ่งโดยปกติแล้ว IS จะ สั่งมากกว่า FR
SS : inv ที่เรา สั่งเกิน Mean
EX 95% FR เราสั่ง 4 ชิ้น เพราะงั้น
SS = 1.72
######## ทำ Assignment (ออกสอบ ใช้ Distribution ธรรมดา)
Binom.dist
มีแค่ success / failure
ทดลอง n ครั้ง นับครั้งที่ออกหัว
มีลูกค้า 10 คน แต่ละคน จะสั่ง หรือไม่สั่งก็ได้ โดยไม่มีความเกี่ยวข้องกัน
คือ จำนวน success จากการทดลอง n ครั้ง
negbinom.dist
มีแค่ success / failure
จำนวน failure
ทดลอง n ครั้ง นับจำนวน ก้อย จนกว่าจะได้ หัว
เช่นใช้ โดรนส่งของ มีโอกาศ success 20% ถ้าต้องไปส่งของ 4 ที่
โอกาศที่จะ success ใน 4 ครั้งเป็นเท่าใด
โอกาศที่จะ success ใน 5 ครั้งเป็นเท่าใด (พลาด ไป 1 ครั้ง)
โอกาศที่จะ success ใน 6 ครั้งเป็นเท่าใด (พลาด ไป 2 ครั้ง)
##############################
ทวนคราวที่แล้ว
เวลาหากำไร
(x-D)+ คือเอาเฉพาะ ค่า + ถ้าติดลบ จะให้เป็น 0
bE[(D-x)+] : จำนวนของที่ขาด
ลองทำ Excel
ถ้า Cu < Co เราจะสั่ง ของน้อยกว่า Mean ถ้าของเหลือ จะเสียมาก จะได้ค่า Critical < .5
ถ้า Cu > Co เราจะสั่ง เยอะกว่า Mean (ถ้าของขาดจะเสียเยอะ มี Penalty) จะได้ ค่า Critical > .5
SS ขึ้นอยู่กับ ระดับการให้บริการ กับ SD เท่านั้น
Sensitivity Analysis
Mean demand ลดลง จะให้สั่ง ลดลง
Higher Service สูง สั่งเยอะ
Overage increase สั่ง น้อยลง
Underage increase สั่งเพิ่มขึ้น
Limited Expected Value (LEV) E[min(x,D)]
########################20161001############################
ทวนก่อนสอบ MIDTERM
Objective
เราต้องหาสินค้าคงลังที่เหมะสมให้ได้
กรณีที่ D ไม่แน่นอน สามารถมองได้ 2 แบบ
มองจากกำไรสูงสุด
มองจาก Service Level
Key
เราต้อง บอกได้ว่าระบบ ปัจจุบัน ดีแล้วหรือยัง ถ้ายังจะ Improve ได้อย่างไร ซึ่งจะอยู่ในข้อสอบ
Comprehensive Exam
ออกสอบ นะ 30 คะแนน
อันนี้เป็น Multi Period เหลือแล้วขายต่อ ไม่ต้องทำ Cu/Co นะ
กรณี EOQ
จำนวนสินค้าคงลังเฉลี่ย คือ Q/2
สั่งกี่ครั้งต่อปี = เอา D ทั้งปี / จำนวนสั่งซื้อ
ต้องทำให้ได้ !!! บอก นโยบายปัจจุบัน ต้องบอกได้ ว่า INV AVG / จำนวนสั่งต่อปี ให้ได้ จากนั้นจะทำให้เราหา Setup Cost ต่อครั้งได้
และหา Holding Cost ได้
########################################
Type of Inventory
Lead Time : Pipeline inventory (in-trasit stock)
Queing Theory L = lamda W
เช่น คนมาธนาคาร อัตรา 3 คน ต่อนาที และ average waiting time = 5 min / person
L = 3x5 = 15 person
บางทีโจทย์ ไม่ได้บอก K หรือ H มาตรงๆ อาจจะบอก เป็น LTL / FTL ก็ได้
ระวัง หน่วยต้องเปลี่ยนให้เหมือนกัน
ถ้ามี Lead time = 2 จะสั่งของเมื่อไหร่ ต้องดูให้ดี
ต้องดู intransit ด้วย ไม่ใช่นับแต่ inv อย่างเดียว
inv position = ดูในคลัง + สั่งไปแล้ว
EOQ - Extension ไม่ออกสอบ
New Vendor
ปัญหาคือสั่งเท่าไหร่ (ไม่สนว่าสั่งเมื่อไหร่)สั่งมากเหลือ สั่งน้อย ขาด
Key ที่จะตัดสินว่า เป็น News Vendor คือ มีช่วงการขายในเวลาสั้นๆ
ดูได้ 2 แบบ
ต้องดู Critical Ratio ถ้าจะดู profit
ดู Service Level
กรณี แจกแจง เป็นตาราง ต้องหา Commulative ตัวแรกที่เกิน
Service Level
หน้าด้านล่าง ออกสอบ 10 คะแนน
ตัวอย่าง ใช้ Binomail
ร้าน เบเกอรี่มีเจ้า ประจำ 20 เจ้า แต่ละวันจะสั่งหรือไม่ก็ได้
โอกาศที่จะมาสั่งคือ 80% ดังนั้น Demand ต่อวันจะมี Distribution แบบ
ดังนั้น Demand ที่เปนไปได้ คือ 1 -20
แล้วโอกาศ ที่จะได้ 5 เป็นเท่าไหร่ ??
n = 20, p = 0.8 : = P(D=5) = (20 5) (0.8^5) (0.2^15) =
Negative Binomail
โยน จับ Pokemon จำนวน บอลที่โยน เพื่อให้ Pokemon 5 ตัว
New Vendor Continuous ( ออกสอบเฉพาะ Normal Distribution)
กำหนดปริมาณสั่งซื้อให้ หา กำไร
In-stock Probablity ความน่าจะเป็นที่จะมีของ
Fill Rate
กลับกัน ให้ Service Level แทน
ช่วยเช็คคำตอบ ได้บ้าง ลองดูคำตอบ Make sense ไหม
ถ้า Under Age เยอะ ควรสั่งมากๆ
ไม่ออก Gasso line example.
ออกสอบ Optimization เขียน Math Model ด้วย 10 คะแนน ต้องใช้ Excel Solver ทำ
#################################FINAL######################################
### สอบ ##########################
ต้องรู้ความสัมพันธ์ ทั้งหมด
เช่น CSL ไม่ถึง ต้องเปลี่ยนอะไร
Back order สูงไป ต้องเปลี่ยนอะไร ?
############################################################################
Joint Replenishment
ดู Repoder Pointer (s) ก่อน ว่าจะต้องสั่งไหม ถ้าไม่สั่งก็ปล่อย
แต่ถ้าสั่ง เราจะดูว่าตัวไหนรวมได้บ้าง
ตัวที่รวมได้คือตัวที่มี Inventory position ต่ำๆ แต่ยังไม่ถึง Reoderpoint (น้อยกว่า = Can order level) ถ้าต่ำกว่าก็จะสั่งรวมกับ สินค้า ที่จะต้องสั่งในรอบนั้นๆ
Determisitic
แน่นอน
- demand คงที่ : EOQ << / Constant
- demand ไม่คงที่ : Lotsizing W/o SS
random
ไม่แน่นอน
- mean คงที่ Continous reivew (s,Q) (s,S) / Periodic Reivew (R,s),(R,s,S) << /Stationary
- mean ไม่คงที่ Lot sizing with SS << /non-Stationary
Cofficient of variation
CV = STD/Mean
Multi echelon
คือมีสินค้าคงคลังหลายระดับ
################### คาบสุด ท้าย ############################
Risk pooling strategies
ถ้า Leadtime ไม่แน่นอน หรือ SD ไม่แน่นอน ก็จะทำให้ SS เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ SS ทั้งปีเพิ่มขึ้น
วิธีที่จะลด SS ลง มี 3 แบบบ
Supply Chain
Production process
Product
Pool - Location
แต่ก่อนมีอยู่ 3 พื้นที่การขาย แต่ละพื้นที่การขายจะมีเก็บสินค้าเอาไว้ แต่ถ้าเรา Pool รวมจาก 3 อัน มาเก็บไว้ที่ DC ใหญ่ที่เดียว แล้วค่อยส่งตรงไป SS สำหรับแบบรวมจะต่ำกว่า เพราะ SD ของ Demand รวม จะน้อยกว่า
เส้นสีดำคือ รวม ทั้ง 3 ที่
Holding Cost ประกอบไปด้วย Cycle stock + in transit stock + SS
in transit คิดจาก DL เช่น Demad 10 ช่วง lead time x lead time 30 = 30 (ไม่เกี่ยวข้องกับความไม่แน่นอน ไม่ว่าจะ Pool หรือไม่ ก็ไม่มีผล)
ดังนั้นประโยชน์จากการ Pooling อยู่ที่ SS เท่านั้น
#### สอบ ต้องคำนวนตัวเลขในตารางได้ นะ
แต่การทำ Pooling แบบนี้จะทำให้ Transportation Cost เพิ่มขึ้น
Pool - Product ให้น้อยลง
Pool - Lead time
สอบ Final
35%
ตัด B 50%
1 อยากจะทำให้ Cost ต่ำสุด จะต้องมี inv เท่าไหร่
2. ถ้ากำหนดระดับการให้บริการจะต้องใช้ SS OUTL เท่าไหร่
3. ถ้าทราบระบบปัจจุบันเป็นอย่างไร จะมีแนวทางปรับปรุงระบบ ปัจจุบันอย่างไร เช่น ถ้าสั่งบ่อยเป็น Continous review lot size reorder point เค้าคิดว่าระบบ ปัจจุบันสั่งบ่อยเกิน ควรเปลี่ยนที่ Q หรือ ROP ตอบ เปลี่ยน Q เพื่อทำให้ Order F ลดลง
หรือ ตอนนี้ระดับการให้บริการแบบ CSL ต่ำไป เราควรเพิ่ม ROP
Lead time ลดลงมีผล ให้ SS ลดลง Pipeline (Intransit) ลดลง
ข้อสอบ
- Demand คงที่ EOQ
- Demand ไม่แน่นอน / 1 Period (News Vendor)
ออกตั้งแต่หลัง MID
- Demand ไม่แน่นอน / 1 Period (News Vendor) ตอบ ซื้อเท่าไหร่ / Multi period ตอบ ซื้อเท่าไหร่ สั่งเมื่อไหร่ (Continuous / Periodic Review)
- Extension Joint replenishment สั่งรวมกัน
- Lot sizing (Demand ไม่แน่นอน หรือ ไม่คงที่)
- Multi Echelon
- Risk Pooling
หน้าสำคัญ
Continuous Reivew สนใจ DL
เช่นทราบระบบปัจจุบัน รู้ ROP Q Lot size จะต้องสามารถคำนวน Q/2 Cycle stock / backorder/ ss ระดับการให้บริการเป็นเท่าไหร่ เช่น Q = 100 / ROP = 240 จะได้ทำให้ CSL ? FR ? back order ? สั่งของปีนึงกี่ครั้ง
ถ้าไม่ได้ CSL ตามต้องการจะเปลี่ยน Q หรือ ROP เช่นจากเดิม CSL 60% จะเพิ่มเป็น 90% จะต้องใช้ ROP เท่าไหร่ (สูตร DL x kZigma ระวังหน่วยด้วย ถ้า เป็น SD จะคูณ SQRT นะ)
ถ้าใช้ CSL / FR ใช้สูตรตามภาพด้านบนให้ถูก